บางตอนที่น่าสนใจจาก บทละครเวที "มหาภารตะ"

หนังสือ "มหาภารตะ" (The Mahabharata : A play based upon the Indian Classic Epic )by Jean-Claude CarriereTranslated from the French by Peter Brookแปลไทย โดย รศ.จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา(กรุงเทพ : สำนักพิมพ์คบไฟ ,2544)
ทุรโยธน์ และอรชุน เข้าเฝ้าพระกฤษณะ (หน้า 149-151)
(กฤษณะกำลังหลับอยู่ ทุรโยธน์เข้ามาเป็นคนแรก เขาตรงไปนั่งที่หัวเตียงของกฤษณะ อรชุนตามเข้ามา เขานั่งลงที่ปลายเท้ากฤษณะ)
(กฤษณะลืมตาขึ้น มองเห้นอรชุนก่อน แล้วจึงหันไปเห็นทุรโยธน์)
กฤษณะ : เรายินดีต้อนรับเธอทั้งสอง เธอมีเหตุอันใดรึ ?
ทุรโยธน์ : สงครามกำลังจะเกิดขึ้นแล้วพระเจ้าข้า และหม่อมฉันปรารถนาจะให้พระองค์เป็นพันธมิตรกับฝ่ายหม่อมฉัน
อรชุน : เจ้าพี่ยุธิษเฐียรก็ส่งหม่อมฉัน ให้มากราบทูลขอเชิญพระองค์เสด็จอยู่ข้างฝ่ายพวกหม่อมฉันเช่นกันพระเจ้าข้า
กฤษณะ : เราไม่ใช่ผู้ก่อสงคราม ดังนั้น เราจึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสงครามที่จะเกิดขึ้นนี้ มันไม่ใช่สงครามของเรา และเราปรารถนาที่จะนอน
ทุรโยธน์ : ในเมื่อสกลโลกมีแต่สงคราม ฉะนั้น คงไม่มีใครจะกล่าวว่า "มันไม่ใช่สงครามของเรา " ในเมื่อมนุษย์กำลังบาดเจ็บและล้มตาย แล้วพระองค์จะยังคงบรรทมต่อไปได้รึพระเจ้าข้า ?
กฤษณะ : ทุรโยธน์ เหตุแห่งสงครามเกิดขึ้นจากผู้ใด ?
ทุรโยธน์ : พวกปาณฑพปรากฎตัวก่อนเวลาอันสมควรพระเจ้าข้า แม้กระนั้นทูลกระหม่อมพ่อของหม่อมฉัน ก็ยังทรงพระกรุณาพระราชทานอภัยให้พวกเขา แต่พวกเขากลับกำเริบ ขอแบ่งราชอาณาจักรด้วยพระเจ้าค่ะ
(กฤษณะหันไปฟังอรชุน)
อรชุน : ทูลกระหม่อมยุธิษเฐียร กราบทูลขอพระราชทานราชอาณาจักร อันเป็นสิทธิ์ตามสมภพชาติกลับคืน เพราะเราไม่ปรารถนาจะรอคอยต่อไปพระเจ้าค่ะ
ทุรโยธน์ : เขาจะได้เห็นหัวกะโหลกช้างศึกของเขา และเขาจะต้องกระอักเลือดแน่ๆ นั่นเป็นสิ่งที่โหราจารย์ทำนายไว้พระเจ้าข้า
อรชุน : แต่หม่อมฉันจะขอพูดว่า หม่อมฉันรู้ดีว่า หม่อมฉันกำลังก้าวเดินไปพร้อมๆกับชัยชนะ หม่อมฉันเห็นประจัีกษ์กับตาตนเองเลยทีเดียวพระเจ้าข้า
กฤษณะ : เรารักเธอทั้งสองเสมอกัน เราไม่อาจจะเข้าด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
ทุรโยธน์ : ก็จริงอยู่ ที่ตรัสว่าทรงเป็นมิตรกับทั้งปาณฑพและเการพ เพราะพระองค์ทรงเป็นพันธมิตรแห่งราชวงศ์ภรตของเรา แต่ด้วยเหตุที่หม่อมฉันมาถึงที่นี่ก่อน หม่อมฉันจึงควรมีสิทธิ์ได้เลือกก่อนนะพระเจ้าค่ะ
กฤษณะ : ก็จริง ที่เธอว่าเธอมาก่อน จึงควรเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกก่อน แต่เมื่อเราตื่นขึ้นนั้น เราเห็นอรชุนก่อนที่จะเห็นเธอ ฉะนั้นสิทธิ์ในการเลือกจึงสมควรตกเป็นของอรชุนก่อนเธอ (กับอรชุน) ระหว่างกอทัพนารายณีเสนาของเรา สรรพาวุธเต็มอัตราและพร้อมรบในทุกเมื่อ กับลำพังตัวเรา ซึ่งไม่มีอาวุธใดๆ และจะไม่ร่วมรบด้วย อรชุน เธอจงเลือกระหว่างกองทัพกับตัวเรา ณ บัดนี้
อรชุน : หม่อมฉันเลือกพระองค์พระเจ้าข้า
กฤษณะ : เราเพียงผู้เดียว โดยปราศจากศัตราวุธใดๆ ทั้งสิ้นนะ
อรชุน : พระเจ้าข้า
ทุรโยธน์ : นั่นหมายความว่า หม่อมฉันจะได้กองทัพนารายณีเสนาของพระองค์ทั้งหมดใช่ไหมพระเจ้าข้า ?
กฤษณะ : ใช่ ไพร่พลของเรา เป็นของเธอแล้ว ทุรโยธน์
ทุรโยธน์ : ไพร่พลที่มีอาวุธครบมือ และมีกำลังใจฮึกเหิมพร้อมจะต่อสู้ด้วย ใช่หรือไม่พระเจ้าข้า ?
กฤษณะ : ทหารที่ซื่อสัตย์และเต็มใจ
ทุรโยธน์ : ถึงแม้ว่าพวกมันจะต้องรบกับอรชุน ใช่หรือไม่ พระเจ้าข้า ?
กฤษณะ : ถูกต้องแล้ว แม้ว่าจะต้องรบกับอรชุนก็ตามที
ทุรโยธน์ : แล้วพระองค์เล่า พระองค์จะเข้าร่วมรบหรือไม่พระเจ้าข้า ? พระองค์จะทรงใช้สุทรรศนจักรของพระองค์หรือไม่ ?
กฤษณะ : เราจะไม่รบอย่างแน่นอน
(ทุรโยธน์ตะโกนก้องอย่างผู้มีชัย แล้วเดินออกไป)
กฤษณะ : เมื่อเธอเลือกเรา เธอคิดอะไรอยู่ในใจกระนั้นรึ ?
อรชุน : หม่อมฉันคิดว่า หม่อมฉันเองก็แข็งแรงพออยู่แล้ว จึงไม่ปรารถนาศักติแห่งพระองค์อีก ขอให้ทรงพระกรุณาเป็นสารถีให้แก่หม่อมฉัน เพียงเท่านั้นก็พอแก่การณ์แล้วพระเจ้าข้า
กฤษณะ : เราสัญญา เราจะเป็นสารถีให้แก่เธอ อรชุน
___________________________________
วัยเยาว์ (หน้า 36-37)
ภีษมะ : (ถามโทรณาจารย์) ท่านจะเริ่มสอนได้เมื่อไร ?
โทรณาจารย์ : หม่อมฉันได้เริ่มแล้ว
(โทรณาจารย์ตอบอย่างรวบรัด ปาณฑพและเการพเตรียมธนูและลูกศรของตน โทรณาจารย์ชี้ไปที่ยอดไม้) มีนกฟางอยู่ที่ยอดไม้นั้น องค์ยุธิษเฐียร ยกธนูของพระองค์ขึ้น และเล็งไปที่นกนั้น (ยุธิษเฐียรทำตามคำสั่ง) พระองค์ทอดพระเนตรเห็นอะไรพระเจ้าค่ะ ?
ยุธิษเฐียร : เราเห็นนก
โทรณาจารย์ : พระองค์ทอดพระเนตรเห็นต้นไม้หรือไม่ ?
ยุธิษเฐียร : เห็น เราเห็นต้นไม้ เราเห็นคันธนู และลูกธนู เราเห็นลำแขนของเรา เรามองเห็นน้องๆ และมองเห็นพระอาจารย์ด้วย
โทรณาจารย์ : เสด็จกลับไปยังที่เดิมได้ ขอเชิญเสด็จองค์นกุล องค์ภีมะ และองค์ทุรโยธน์ด้วย จงเล็งธนูไปที่นกนั่น และตอบหม่อมฉันว่า ทรงทอดพระเนตรเห็นอะไร
(ทุกคนเล็งธนูไปที่เป้า)
นกุล : เราเห็นนก เห็นท้องฟ้า...
ภีมะ : เราเห็นกิ่งไม้ เห็นแขนของเรา...
โทรณาจารย์ : ทอดพระเนตรเห็นภราดาของพระองค์หรือไม่พระเจ้าค่ะ ?
ภีมะ : เห็น เราเห็นทุกๆคน
ทุรโยธน์ : ข้าเห็นนก เห็นคันธนู และเห็นยอดไม้
ภีมะ : เราเห็นเมฆบนท้องฟ้า
โทรณาจารย์ : เชิญเสด็จกลับไปที่เดิมพระเจ้าค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทรงยิง ขอเชิญองค์อรชุนเล็งธนูพระเจ้าค่ะ (อรชุนทำตามคำสั่ง เขาเล็งไปที่เป้าอย่างมั่นใจ) ทอดพระเนตรเห็นอะไรพระเจ้าค่ะ ?
อรชุน : เราเห็นนก
โทรณาจารย์ : ทรงพรรณารายละเอียดของนก ให้หม่อมฉันฟังด้วยพระเจ้าค่ะ
อรชุน : เราไม่อาจทำได้
โทรณาจารย์ : เพราะอะไรพระเจ้าค่ะ ?
อรชุน : เพราะเราเห็นแต่หัวนกเท่านั้น
โทรณาจารย์ : ลั่นธนูได้พระเจ้าค่ะ
(อรชุนแผลงศรไปถูกนกตกลงมา โทรณาจารย์จับมืออรชุน แล้วพูดขึ้น)
หม่อมฉันจะทำให้พระองค์เป็นผู้ขมังธนูที่สุดในโลก
______________________________________
ทุรโยธน์มรณา มหาสงครามยุติ (หน้า 245-246)
(กฤษณะและอรชุนช่วยพยุงภีมะลุกขึ้น ทุรโยธน์ถอยออกมา)
กฤษณะ : เธอบาดเจ็บหรือ ?
ภีมะ : พระเจ้าค่ะ
กฤษณะ : สาหัสหรือไม่ ?
ภีมะ : พระเจ้าค่ะ
กฤษณะ : จงข่มความเจ็บปวดของเธอไว้ และยืนหยัดด้วยตนเอง จงทำให้ทุรโยธน์คิดว่าเธอทรงพลัง จงเข้าไปต่อสู้ และตีที่หน้าขาของทุรโยธน์
ภีมะ : หน้าขาของมันหรือพระเจ้าค่ะ ? หม่อมฉันทำอย่างนั้นไม่ได้
กฤษณะ : เราสั่งให้เธอตีที่หน้าขาของทุรโยธน์
เทราปที : ตีให้หักเลยเพคะ
(ภีมะกลับไปสู้อีกครั้ง ทุรโยธน์ยังคงคล่องแคล่วเช่นเดิม คทาของภีมะฟาดลงไปในอากาศหลายหน แต่ไม่ถูกตัวทุรโยธน์ ภีมะพยายามเป็นครั้งสุดท้าย เขาควงคทา แล้วฟาดลงที่หน้าขาของทุรโยธน์ ทุรโยธน์ร้อง และล้มลง ต้นขาเขาแหลก ภีมะเอาเท้าเขี่ยหัวของทุรโยธน์)
ยุธิษเฐียร : (กับภีมะ) ภีมะ อย่าทำอย่างนั้น ทุรโยธน์เป็นสุขุมาลชาติเช่นเดียวกับน้อง การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว จงอย่าได้ทำการใดๆ ที่หยามหมิ่นเกียรติของศัตรู
(ทุรโยธน์เรียกยุธิษเฐียร)
ทุรโยธน์ : ยุธิษเฐียร มาหาข้าหน่อย
ยุธิษเฐียร : พระองค์ประสงค์สิ่งใด
ทุรโยธน์ : ข้าถูกทำร้ายอย่างน่าบัดสีที่สุด การตีที่ขามันผิดกฎการรบ
(กฤษณะแทรกเข้ามา)
กฤษณะ : ยุธิษเฐียร เธอจงออกมานี่ ทุรโยธน์มิได้เป็นทั้งมิตรและศัตรู ฉะนั้นจงอย่าเสียเวลากับเขาอยู่เลย ไปกันเถิด
ทุรโยธน์ : พระกฤษณะ พระองค์คงคิดว่าหม่อมฉันไม่ได้ยิน ที่ทรงสั่งให้ภีมะตีหม่อมฉํนที่ขา พระองค์คือปิศาจร้ายแท้ๆ เรื่องศิขัณฑินก็เป็นความคิดของพระองค์ แล้วยังเรื่องที่โกหกว่าอัศวัตถามาตายอีก เรื่องที่ส่งฆโฏตกัจมารบกับกรรณะ จนกรรณะต้องใช้หอกศักติ และเมื่อรถศึกของกรรณะติดหล่ม ก็พระองค์อีกนั่นแหละที่สั่งอรชุนว่า "จงสังหารกรรณะเสีย" เป็นฝีมือของพระองค์ทุกครั้ง พระองค์คือปีศาจเจ้าเล่ห์
กฤษณะ : ทุกสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องไม่จริงเลย เพราะเธอคือผู้สังหารตัวเอง (กับยุธิษเฐียร) ชัยชนะเป็นของเธอโดยสมบูรณ์แล้ว ไปฉลองชัยกันเถิด
ทุรโยธน์ : ใช่ ไปตามทางของพวกเจ้า จงใช้ชีวิตในโลกอันไร้สุขนี้ต่อไป ส่วนข้าก็จะไปยังปรโลก ใครล่ะ ที่จะมีความสุขไปยิ่งกว่าข้า ? ข้าครองแผ่นดิน ข้าหัวเราะ ข้าร้องรำ ข้ารักในพันธมิตร ข้าพิทักษ์คนในอาณัติ ข้าช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ทน ข้ารู้จักความสุขสันต์ของมวลมนุษย์ พวกเจ้าจงไปเถิด ไปดื่มกิน และร่ายรำ ไปเถิด
กฤษณะ : ไม่มีคนดีคนใดที่จะดีพร้อมบริบูรณ์ ไม่มีคนเลวคนใดที่ชั่วร้ายโดยสิ้นเชิง ทุรโยธน์ เราไม่เคยพอใจในความทุกข์ทรมานของเธอเลย แต่การที่เธอปราชัยนั้น มันช่างน่ายินดีจริงๆ
_____________________________________
พระกฤษณะมรณา (หน้า 257-259)
(กฤษณะเอ่ยถามขึ้น ในขณะที่จ้องมองดูยุธิษเฐียรเดินจากไป)
กฤษณะ : มหาฤษี ก็เมื่อพวกเขาได้เดินทางจากไปแล้ว ท่านยังประสงค์จะให้เราอยู่ที่นี่ต่อไปอีกหรือ ?
วยาส : ท่านจำเป็นจะต้องอยู่
กฤษณะ : เพราะเหตุใดท่านจึงต้องการให้เราอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ?
วยาส : ท่านย่อมรู้ดี
กุมาร : (กับกฤษณะ) พระองค์กำลังจะตายใช่ไหม
กฤษณะ : ใช่ เป็นดังนั้น เราก็เหมือนสรรพสัตว์ทั้งปวง และขณะนี้ก็ถึงเวลาที่กำหนดไว้แล้ว
กุมาร : (กับวยาส) ราชาปาณฑพทุกๆพระองค์จะต้องตาย ทั้งที่ไม่มีผู้สืบราชสมบัติอย่างนั้นรึ พระมหาฤษี ?
วยาส : ใช่ ทุกๆพระองค์
กุมาร : แต่ท่านเคยบอกกับข้าว่า "มหากาพย์นี้จะบอกเล่าความเป็นมาของข้า" แล้วนี่ก็หมายความว่า ข้าเกิดจากราชตระกูลที่สูญสิ้นแล้ว อย่างนั้นรึ ?
(ภรรยาม่ายของอภิมันยุเดินออกมา หยุดอยู่ชั่วครู่ แล้วเดินจากไป กฤษณะชี้ให้กุมารดูนาง)
กฤษณะ : เจ้าจงดูสตรีนางนั้น นางเป็นชายาม่ายของอภิมันยุ ขณะนี้นางกำลังตั้งครรภ์ เมื่อนางให้กำเนิดโอรส โอรสนางจะต้องตาย แต่เราจะช่วยชีวิตโอรสองค์นั้นไว้ เพราะเด็กผู้นั้น เป็นสายโลหิตของอรชุนสหายเรา หลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ศตวรรษแล้ว ศตวรรษเล่า เจ้าก็จะถือกำเนิดขึ้น สืบสายจากสตรีผู้นี้ กุมารผู้มีนามว่า ชนเมชัยเอ๋ย
(ทั้งสามคนมองไปที่อุตตรา นางเหลียวมองกลับมามองดูทั้งสามคนนั้น แล้วเดินหายลับไป กฤษณะพูดกับกุมารต่อ)
นี่จะเป็นภารกิจสุดท้ายของเรา หลังจากนี้ เมื่อเวลาผ่านไปนานถึง 36 ปี นครทวารกาของเราก็จะล่มสลายลง เพราะแผ่นดินไหว มันเป็นไปตามคำแช่งสาปของพระนางคานธารี เราบอกกับตัวเองว่า "ถึงเวลาแล้ว ที่ข้าจะต้องเข้าป่า ไปใช้ชีวิตอย่างวนปัสถ์ จนสิ้นอายุไข"
(เขาเริ่มเดินทางอย่างเหนื่อยล้า ในที่สุดก็ล้มตัวลงนอนหงาย และหลับไป ขณะนั้น มีนายพรานผู้หนึ่งผ่านมา นายพรานมองเห็นฝ่าเท้าของกฤษณะ ก็ยิ่งธนูเข้าที่ฝ่าเท้าคู่นั้น กฤษณะตื่นขึ้น ส่งเสียงร้อง นายพรานตรงเข้ามาใกล้จึงจำได้)
นายพราน : มหาราชกฤษณะ นั่นพระองค์เองรึ ? เป็นเพราะความมืดในป่า ทำให้ข้าพระองค์เข้าใจผิด คิดว่าฝ่าพระบาทของพระองค์คือหูกวาง โปรดประทานอภัยแก่ข้าพระองค์ด้วย
กฤษณะ : อย่ากังวลไปเลย มันถึงเวลาอันควรที่ข้าจะต้องตายแล้ว
(กุมารโผเข้าหากฤษณะ)
กุมาร : พระกฤษณะ ข้ามีคำถามที่อยากจะถามพระองค์มากมาย
กฤษณะ : ถามมาเร็วๆเถิด
กุมาร : ทำไมพระองค์ต้องวางแผน และบัญชาการร้ายๆด้วยเล่า ?
กฤษณะ : เราต้องพยายามต่อสู้กับพลังอำนาจอันชั่วร้าย และเราก็ทำในสิ่งที่สมควรทำ
กุมาร : แล้วก่อนที่จะเริ่มสงคราม พระองค์บอกอะไรแก่พระอรชุน ?
กฤษณะ : เราชี้ให้เห็นถึงวิถีทางแห่งการหลุดพ้น ความถูกต้อง และหน้าที่อันควร แต่เขาก็ลืมทุกอย่าง
กุมาร : ความหลุดพ้น และทางหลุดพ้นคืออะไร ?
กฤษณะ : มันเป็นคำถามที่ยากนัก และเราไม่เคยพูดอะไรซ้ำเป็นครั้งที่สอง
กุมาร : ได้โปรดเถิด
(กฤษณะไม่ตอบคำถาม เขานิ่งไป วยาสจึงเริ่มพูด)
วยาส : พระกฤษณะคงจะอยู่กับเราอีกไม่นานนัก
(ทั้งสองอุ้มกฤษณะออกไป)
_______________________________________

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น